หน้าเว็บ

วันเสาร์ที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2554

ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค 3 ตอน ยุทธนาวี หนังดีที่รอคอย


โปสเตอร์ภาพยนตร์
          
            และแล้วก็ได้ฤกษ์วันฉายซะทีกับมหากาพย์ภาพยนตร์ไทยอิงประวัติศาสตร์เรื่อง “ตำนานสมเด็จพระนเรศวร ภาค 3 ตอน ยุทธนาวี” ของหม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล ที่ก่อนหน้านี้เจอโรคเลื่อนมาอย่างต่อเนื่อง ภาพยนตร์เรื่องนี้ทุ่มทุนสร้างอย่างมหาศาล ทั้งความสมจริงของฉาก ความอลังการของสถานที่ โดยยกกองถ่ายไปถ่ายทำถึงสตูดิโอที่กาญจนบุรี ที่ลงทุนสร้างเป็นพันล้านบาท และในภาค 3 ยุทธนาวี นี้ ได้ทำเรื่องไปถึงสำนักพระราชวังเพื่อยืมเรือพระที่นั่งเพื่อมาเข้าฉากเพื่อความสมจริงและเพื่อเป็นเกียรติแก่บรรพบุรุษของไทย พูดถึงตรงนี้คงไม่ต้องบอกว่า รายละเอียดของหนังจะเป็นอย่างไร มันคงต้องอลังการ สมจริง เนี๊ยบ อย่างที่วงการภาพยนตร์ไทยไม่เคยมีมาก่อนแน่นอนคุณผู้ชม
                เอาละเกริ่นมาซะจนคุณผู้ชมเบื่อเรามาอ่านเรื่องย่อกันเลยค่ะ

ฉากเรือพระที่นั่งในภาพยนตร์
ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค 3 ตอน ยุทธนาวี | เรื่องย่อ
           การประกาศเอกราชที่เมืองแครง และสังหารสุรกำมาเหนือยุทธภูมิฝั่งน้ำสะโตงของ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช (หรือสมเด็จพระนเรศ) ในปีพุทธศักราช 2127 ได้สร้างความตระหนกแก่พระเจ้านันทบุเรงองค์ราชันหงสาวดีพระองค์ใหม่ ด้วยเกรงว่าการแข็งข้อของอยุธยาในครั้งนี้จะเป็นเยี่ยงอย่างให้เหล่าเจ้า ประเทศราชที่ขึ้นกับหงสาวดีอาศัยลอกเลียนตั้งตัวกระด้างกระเดื่องตาม แต่จนพระทัยด้วยติดพันศึกอังวะ จึงจำต้องส่งเพียงทัพพระยาพะสิมและพระเจ้าเชียงใหม่เข้าประชิดกรุงศรีอยุธยา ทางหนึ่งนั้นพระเจ้านันทบุเรงทรงประมาทสมเด็จพระนเรศ ด้วยเห็นว่ายังอ่อน พระชันษา คงมิอาจรับมือจอมทัพผู้ชาญณรงค์ทั้งสองได้ ทางหนึ่งก็สำคัญว่ากรุงศรีอยุธยา ยังบอบช้ำแต่คราวสงครามเสียกรุง ไพร่พลเสบียงกรังยังมิบริบูรณ์คงยากจะรักษาพระนคร

          ครั้งนั้นพม่ารามัญยกเข้ามาเป็นศึกกระหนาบถึง 2 ทาง ทัพพระยาพะสิมยกเข้ามาทาง ด่านพระเจดีย์สามองค์ เลยล่วงเข้ามาถึงแดนสุพรรณบุรี ส่วนพระเจ้าเชียงใหม่-นรธาเมงสอ มาจากทางเหนือ นำทัพบุกลงมาตั้งค่ายถึงบ้านสระเกศ แขวงเมืองอ่างทอง

           กิตติศัพท์การชนะศึกของสมเด็จพระนเรศหลายครั้งหลายคราระบือไกลถึงแผ่นดิน ละแวก เจ้ากรุงละแวกมิได้ทอดธุระ ได้ลอบส่งจารชนชาวจีนฝีมือกล้านามว่าจีนจันตุมาลอบสืบความ ที่กรุงศรีอยุธยาแต่ถูกจับพิรุธได้จนต้องลอบตีสำเภาหนีกลับกรุงละแวก สมเด็จพระนเรศทรงนำทัพเรือออกตามจนเกิดยุทธนาวี แต่พระยาจีนจันตุหนีรอดได้ เมื่อเจ้ากรุงละแวกได้ทราบกิตติศัพท์การณรงค์ของพระนเรศจึงเปลี่ยนพระทัยหัน มาสานไมตรีกับอยุธยา และส่งพระศรีสุพรรณราชาธิราชผู้อนุชามาช่วยอยุธยาทำศึกหงสา หากแต่พระศรีสุพรรณผู้นี้ต่างจากเจ้ากรุงละแวกเพราะหาใคร่พอใจผูกมิตรด้วย อยุธยา การได้พระศรีสุพรรณมาเป็นสหายศึกจึงประหนึ่งอยุธยาได้มาซึ่งหอกข้างแคร่

          ข้าง สมเด็จพระนเรศ เมื่อทรงประกาศเอกราชแล้วก็จัดเตรียมการรับศึกหงสาวดี แต่เพราะกำลังรบข้างอยุธยาเป็นรอง จึงทรงวางยุทธศาสตร์รับศึกโดยมุ่งอาศัยกรุงศรีอยุธยาเป็นที่มั่นเพียงแห่ง เดียว ครั้งนั้นได้โปรดให้เทครัวหัวเมืองเหนืออันเป็นแคว้นสุโขทัยเดิมลงมารวมกับ ครัวที่อยุธยา การณ์ปรากฏว่าเจ้าเมืองพิชัยและสวรรคโลกข้าหลวงเดิมแข็งเมืองไม่เทครัวลงมา สมทบ จึงทรง ยึดเมืองแล้วลงทัณฑ์มิให้เป็นเยี่ยงอย่าง
 
          สมเด็จพระนเรศ ทรงเห็นว่ากำลังข้างอยุธยายังเป็นรองพม่ารามัญ จึงทรงปรับเปลี่ยน ยุทธศาสตร์การรบเสียใหม่ โดยมิปล่อยให้ทัพพระยาพะสิมและนรธาเมงสอเจ้าเมืองเชียงใหม่ เข้ามารวมกำลังผนึกล้อมร่วมกันตีกรุงศรีอยุธยา ครั้งนั้นทรงจัดทัพออกรับศึกในแขวงหัวเมือง แลด้วยทัพพม่ารามัญแยกสายเข้าตีเป็นสองทางเดินทัพช้าเร็วไม่เสมอกัน จึงทรงเทกำลังเข้ารับศึกพระยาพะสิมที่เมืองสุพรรณบุรี ตั้งพระทัยจะตีทัพเบื้องประจิมทิศก่อน แล้วจึงเทกำลังเข้าตีทัพพระเจ้าเชียงใหม่เบื้องอุดรทิศภายหลัง การทั้งหมดทั้งสิ้นต้องทำแข่งกับเวลา หากพลาดท่า แม้เพียงก้าวอยุธยาก็ไม่พ้นพินาศ ถึงแม้ครั้งนั้นทัพพม่ารามัญจะมิได้ยกมาดั่งทัพกษัตริย์เช่นศึกพระเจ้าช้าง เผือกบุเรงนอง แต่ไพร่พลก็มากเหลือประมาณ เพียงพอจะสร้างความย่อยยับให้ เหล่าอาณาประชาราษฎร์เกินคาดเดา

          ภายใต้บรรยากาศกลิ่นอายสงครามนับแต่ศึกจีนจันตุ ตลอดถึงศึกพระยาพะสิมและ ศึกพระเจ้าเชียงใหม่ ในพระนครก็เกิดไฟรักโชติขึ้นท่ามกลางไฟสงคราม กลายเป็นเรื่องรักระหว่างรบ ด้วย เลอขิ่นธิดาเจ้าเมืองคัง มีอันมาพบ เสือหาญฟ้าคนรักเก่าที่รอดชีวิตมาแต่ศึกเมืองคัง โดยบังเอิญ เกิดขัดข้องเป็นรักสามเส้ากับ พระราชมนูคนรักใหม่ทหารเสือพระนเรศ ไฟรักยิ่ง ลุกลามเมื่อนางพระกำนัลทรงเสน่ห์นาม รัตนาวดีมาทอดไมตรีให้พระราชมนู เกิดเป็นปมรัก ซ้อนปมรบ

          ทางฝ่ายหงสาวดีนั้น พระเจ้านันทบุเรงกษัตริย์พม่ารามัญพระองค์ใหม่มีใจพิศวาส พระสุพรรณกัลยา-พระพี่นางในสมเด็จพระนเรศ หมายจะได้มาแนบข้าง ซ้ำพระนเรศอนุชา มาประกาศเอกราชท้าทายอำนาจของพระองค์ ทำให้สถานะของพระสุพรรณกัลยาในฐานะ องค์ประกันต้องสุ่มเสี่ยงต่อราชภัย พระสุพรรณกัลยาซึ่งขณะนั้นมีพระราชโอรสด้วยพระเจ้าบุเรงนองแล้ว ทรงถูกพระเจ้านันทบุเรงข่มขู่ บีบบังคับให้ต้องเลือกระหว่างการยอมพลีกายถวายตัวเป็น บาทบริจาริกา หรือยอมจบชีวิตด้วยการถูกย่างสดตามโทษานุโทษของพระอนุชา ชะตากรรมของพระพี่นางสุพรรณกัลยานั้นสุดรันทด
 

          เมื่อพระเจ้าหงสาวดีทรงเสร็จศึกอังวะก็เตรียมการเปิดศึกกับอยุธยา ทรงระดมไพร่พล แต่งเป็นทัพกษัตริย์ กองทัพใหญ่โตเหลือคณากว่าทัพบุเรงนองช้างเผือก เฉพาะไพร่ราบมีกำลัง รวมแล้วไม่ต่ำกว่า 240,000 คน ทัพนี้หมายมุ่งบดขยี้อยุธยาลงเป็นผุยผงหากทัพพระยาพะสิมและทัพพระเจ้า เชียงใหม่ตีกรุงไม่สำเร็จ แต่สมเด็จพระนเรศก็สู้ศึกนันทบุเรงและนำพากรุงศรีอยุธยา ให้รอดจากภัยสงคราม กู้บ้านเมืองมิให้ต้องตกเป็นประเทศราชหงสาซ้ำสองได้ด้วยกุศโลบาย การศึกที่เหนือชั้นด้วยพระอัจฉริยภาพ
         เป็นอย่างไรบ้างคะเรื่องย่ออิงประวัติศาสตร์บ่งบอกถึงความเสียสละของบรรพบุรุษไทยอย่างชัดเจน หนังเรื่องนี้จะสะท้อนถึงความรักชาติบ้านเมืองของคนในอดีต และอาจจะสอนคนคนในยุคปัจจุบันให้รักชาติมากยิ่งขึ้น กว่าเราจะมีประเทศไทยมาจนถึงทุกวันนี้บรรพบุรุษของเราเสียเลือดเสียเนื้อมาเท่าใดแล้ว เราคนไทยต้องรักกันสามัคคีกันนะคะ ถ้ามีปัญหาก็ใช้สติปัญญาในการแก้ปัญหา อย่าใช้กำลังเหมือนในหนังเลย อ้าว พูดไปพูดมาเข้าดราม่าซะเองตู แต่อย่างไรก็ตามหนังดีๆอย่างนี้ดิฉันก็ขอเชิญชวนทุกท่านเข้าไปอุดหนุนภาพยนตร์เรื่องนี้ในโรงภาพยนตร์ หนังเรื่องนี้ไม่เพียงแต่ให้ข้อคิดแต่จะมีคติเตือนใจแฝงอยู่ในภาพยนตร์อยู่ด้วย ยังไงก็อย่าลืมเข้าไปอุดหนุน ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค 3 ยุทธนาวี” ในโรงภาพยนตร์
31 มีนาคม 2554 ศกนี้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น