หน้าเว็บ

วันเสาร์ที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2554

ตัวอย่าง ลัดดาแลนด์มาแว้วว

  ลัดดาแลนด์แดนนรก จาก GTH หนังผีเรื่องใหม่ ซึ่งทำให้เดี๊ยนเข้าใจผิดมาตลอดว่ามันเป็นหนังสวนสนุก ที่แท้ก็หนังผีสยองขวัญ เห็นตัวอย่างก็น่ากลัวแล้วล่ะ ไปดูเลยค่ะ



วันศุกร์ที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2554

มาแล้ว รายได้หนัง 17 - 20 มีนาคม 2554 2011 ในประเทศไทย

         สวัสดีค่ะคุณผู้ชม วันนี้เดี๊ยนจะนำรายได้ของภาพยนตร์เรื่องต่างๆที่เข้าฉายในประเทศมานำเสนอค่ะ
อันดับหนึ่งของหนังทำเงินในสัปดาห์นี้ คงหนีไม่พ้น "Suckseed ห่วยขั้นเทพ" ที่ทำเงินในสี่วันแรกไปถึง 21 ล้านบาท  ส่วนหนังเรื่อง "ฮักนะสารคาม" ทำรายได้รวมในสัปดาห์ที่สอง ไป 12 ล้านบาท ส่วเรื่องอื่นๆ ไปติดตามที่ ตารางหนังทำเงินกันเลยค่ะ



รายได้หนัง 17 – 20  มีนาคม 2554
อันดับที่
ชื่อ
สัปดาห์ที่
เข้าฉาย
รายได้ประจำสัปดาห์
รายได้รวม
1
Suckseed ห่วยขั้นเทพ
1
21,232,800
21,232,800
2
Beastly
1
5,096,370
5,096,370
3
Just Go With It
1
3,201,210
3,201,210
4
Rango
2
2,883,510
11,534,460
5
ฮักนะสารคาม
2
2,277,330
12,816,060

วันจันทร์ที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2554

หนังใหม่น่าดู " ศพไม่เงียบ " หนังลึกลับ ฆาตรกรรมอำพราง



        เดือนหน้าจะมีหนังอะไรน่าดูบ้างหนา ฉันนึกออกแล้ว เรื่อง “ศพไม่เงียบ” ไง เห็นว่าได้รางวัลจากต่างชาติมาเยอะเชียว ดูตัวอย่างหนังก็ยิ่งน่าดูเข้าไปใหญ่
   สำหรับใครยังไม่มีข้อมูลหนังนะคะ เอาไปเลย ข้อมูลหนังข้างล่างนี้
ภาพยนตร์ที่เกี่ยวกับคดีการฆาตกรรมอำพราง
เกิดเหตุขึ้นที่วัดแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ
และเป็นภาพยนตร์ไทยที่คว้า 3 รางวัลใหญ่จากเทศกาลประกวดภาพยนตร์
ในสหรัฐอเมริกาเมื่อต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมานี้

"ศพไม่เงียบ"

เป็นบทประพันธ์ขายดีของนักเขียนชื่อ นิค วิวกัส
ที่มีผลงานหนังสือแนวสืบสวนสอบสวน หลายต่อหลายเล่ม
โดยหนังสือส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับ

"หลวงพ่ออนันดากับการสืบคดี และเรื่องลึกลับ"

ซึ่ง นิค วิวกัส ได้ประพันธ์ไว้หลายตอน

จุดเด่น

ศพไม่เงียบ ถ่ายทำด้วยระบบ 2.35:1 cinemascope โดยตากล้องชาวออสเตรเลีย เว็ด มูลเล่อร์ (Wade Muller) เว็ดได้มีโอกาสร่วมงานกับผู้กำกับแถวหน้าอย่าง ปรัชญา ปิ่นแก้ว จากองค์บาก โดยเพิ่งจะเสร็จสิ้นการถ่ายภาพยนตร์ภาษาอังกฤษที่กำกับโดยปรัชญา ปิ่นแก้ว กำกับเป็นเรื่องแรก เรื่อง Elephant White เมื่อต้นปีที่ผ่านมาและเมื่อต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมานี้เองภาพยนตร์ ศพไม่เงียบ ก็ได้รับเกียรติคัดเลือกให้เข้าร่วมฉายในรอบพิเศษของวันสุดท้ายในเทศการ ภาพยนตร์ International Thriller and Spy Film Festival 2010 หรือที่รู้จักกันในชื่อ ThrillSpy ที่เป็นการประกวดภาพยนตร์แนวตื่นเต้นและสืบสวน ที่จัดขึ้นในวอชิงตัน ดี.ซี. (Washington, D.C.)

ซึ่งภาพยนตร์ ศพไม่เงียบ ก็ไม่ทำให้คนไทยผิดหวัง โดย ปู - วิทยา ปานศรีงาม คว้ารางวัล สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม, ส่วนผู้กำกับเชื้อสายไทย-อังกฤษ ทอม วอลเลอร์ ก็ได้รับรางวัลสาขาผู้กำกับยอดเยี่ยมไปครอง และรางวัลสุดท้ายที่ ศพไม่เงียบ ได้รับก็คือรางวัลสาขาถ่ายภาพยอดเยี่ยมจากฝีมือของ เว็ด มูลเล่อร์ ต่อเนื่องด้วยการได้รับเกียรติคัดเลือกให้เข้าร่วมฉายในเทศการภาพยนตร์ 1st Cambodian International Film Festival  ที่จะจัดขึ้นที่ประเทศเขมรเป็นครั้งแรกอีกด้วยเช่นกัน

เรื่องย่อ “ศพไม่เงียบ”

เมื่อ เด็กจรจัดในโครงการมูลนิธิสำหรับเด็กไร้บ้านภายในวัดเกิดถูกฆ่าตาย และตำรวจไม่ได้ให้ความสนใจในคดีนี้ ท่านเจ้าอาวาสจึงให้หลวงพ่ออนันดาซึ่งเคยเป็นอดีตตำรวจสืบสวนคดีฆาตกรรมมา ก่อนพร้อมได้ร่วมมือกับลูกศิษย์ที่เป็นปอลิโอเด็กกำพร้าที่ชื่อแจ๊ค ค้นหาสาเหตุและคดีฆาตกรรมในครั้งนี้ จนในที่สุดหลวงพ่ออนันดาได้เปิดโปงผู้ที่กระทำผิดและฆาตกรที่อยู่เบื้องหลัง ได้สำเร็จ

ศพ ฆาตกรรม ตำรวจ ยาเสพติด พระนักสืบ มารศาสนา ทุกความจริง ต้องถูกเปิดเผย!! มาร่วมเปิดโปง ไขความจริง ของคดีฆาตกรรมอำพราง ใน ศพไม่เงียบ 6 เมษายนนี้  ทุกโรงภาพยนตร์

นักนำแสดง “ศพไม่เงียบ”



ปู - วิทยา  ปานศรีงาม รับบทเป็น หลวงพ่ออนันดา

อดีตตำรวจผู้เคยมีปมความหลังกับชีวิตครอบครัว ผู้ที่ทิ้งอดีตเพื่อก้าวเข้าศึกษารสพระธรรม และต้องมาค้นหาความจริง เพื่อเปิดโปงพฤติกรรมชั่วของเหล่ามารศาสนา



เวย์ ไทเทเนี่ยม - ปริญญา อินทชัย รับบทเป็น หลวงพี่สัจจะพโล

ครั้งนี้เขากลับมาพลิกบทบาทการแสดงเป็นหลวงพี่สัจจะพโล ตัวแปรสำคัญที่ทำเกิดคดีฆาตกรรมขึ้น



แก้ว ซาซ่า - จรีนา สิริสิงห รับบทเป็นนักข่าวสาว

ที่ต้องการสืบค้นความจริงของคดีฆาตกรรมลึกลับ




สีเทา - จรัล เพ็ชรเจริญ  รับบทเป็น เจ้าอาวาส

เป็นหนึ่งในผู้ค้นหาความจริงของคดีฆาตกรรม


หมึก - อภิชาติ ชูสกุล รับบทเป็น สารวัตรสมชาย

ทำงานแบบเช้าชามเย็นชาม ไม่สนใจกับคดีที่เกิดขึ้น และยังเป็นการแสดงภาพยนตร์ไทยเรื่องสุดท้ายที่ปิดตำนานนักแสดงมากบทบาท ที่สูญเสียเขาไปอย่างไม่มีวันกลับ

วิภาวีย์ "กุ้ง" เจริญปุระ รับบทเป็น จุ๋ม

แม่ค้าขายข้าวแกง ที่ลูกชายถูกฆาตกรรม

อย่างไรก็ตามภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ถูกจับตามองจากปุถุชนทั่วไปว่า ตัวอย่างภาพยนตร์ ค้อนข้างแรงเชียวล่ะ เจ๊จะรอดูว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้จะให้แง่คิดอะไรบ้างเกี่ยวกับศาสนาหรือภาพยนตร์จะหักมุมแบบ นาคปรก หรือไม่
                 6 เมษายน 2554 คงจะดูหนังเรื่อง “ศพไม่เงียบ” ไม่รู้เรื่องเพราะเสียงดัง ตึ่งโป๊ะ!!
เจอกันในโรงภาพยนตร์นะคะ

"จั๊กกะแหล่น" หนังตลกเรื่องใหม่ของ "หม่ำ จ๊กม๊ก" ประกบ "จีจ้า" แสดงนำ


 

            
           สวัสดีค่ะคุณผู้ชมมิตรรักแฟนภาพยนตร์ไทยทุกคน วันนี้เจ๊มีบทสัมภาษณ์ตลกร้อยล้าน        “หม่ำ เพชรทาย วงศ์คำเหลา” ผู้กำกับภาพยนตร์แอ๊คชั่น คอมเมดี้ แห่งค่ายใบโพธิ์ สหมงคลฟิมล์ กับภาพยนตร์เรื่องใหม่ที่มีชื่อว่า “จั๊กกะแหล่น” ที่ได้ตัวนักบู้สาว “จีจ้า”มารับบทนางเอกของเรื่อง ใครสงสัย “จั๊กกะแหล่น” มันหมายความว่ายังไงรีบเลื่อนลงไปอ่านบทสัมภาษณ์ข้างล่างเลย...โอเคๆๆๆๆๆ

จุดเริ่มต้น-ที่มาที่ไปของโปรเจ็คต์นี้
ถ้าถามถึงจุดเริ่มต้นหรือแรงบันดาลใจในการทำภาพยนตร์เรื่องนี้นะครับ ผมว่าผมอยากเห็นอีกมุมหนึ่งของ จีจ้า ซึ่งหนังที่เขาเล่นมา 2 เรื่อง (ช็อคโกแลต, ดื้อสวยดุ) เขาค่อนข้างจะไม่ค่อยได้พูดหรือได้พูดน้อยมาก จะหนักไปทางเล่นแอ็คชั่นซะมากกว่าไง ผมเลยนึกไปนึกมาก็อยากเห็นจีจ้ามาเล่นแบบรักๆ หน่อย แบบโรแมนติกหน่อย น่ารักๆ ก็น่าจะเปลี่ยนลุคของเขาไปได้นะในความรู้สึก คืออยากเล่าเรื่องในพาร์ทความรักของเขา เป็นรักในอีกแง่มุมหนึ่งของเขาที่น่าจะสร้างสีสันการแสดงของจีจ้าได้มากขึ้น แต่ถามว่าแอ็คชั่นเราทิ้งมั้ย เราก็ไม่ได้ทิ้งไลน์แอ็คชั่นซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของจีจ้าไปนะ ยังมีฉากแอ็คชั่นมันส์ๆ สนุกๆ รายล้อมอยู่ตลอดเรื่องที่เป็นคอเมดี้แอ็คชั่นอะไรอย่างนี้
ความหมายของคำว่า
จั๊กกะแหล๋น
จริงๆ ความหมายของมันก็คือความห้าว สวย แก่นแก้วอะไรพวกเนี่ยแหละ ซึ่งก็เป็นคาแร็คเตอร์ของจีจ้าในเรื่องเลยคือเป็นคนออกห้าวๆ แก่นๆ ท้าตีท้าต่อยมาตั้งแต่เด็กๆ แบบไม่กลัวใคร แต่มันก็มีความน่ารักความสวยความโรแมนติกอยู่ในตัวของมันเองนะ ทั้งหมดก็คือ จั๊กกะแหล๋น นี่แหละ

เรื่องราวของ
จั๊กกะแหล๋น
ก็เป็นเรื่องของตัวจั๊กกะแหล๋นตามชื่อเรื่องเลย คือเราเล่นเป็นลุงของจั๊กกะแหล๋นตัวละครของจีจ้าไง เรื่องของเรื่องเนี่ยไอ้จั๊กกะแหล๋นมันดันไปแอบชอบนักดนตรีหนุ่มคนหนึ่งแต่ เขาไม่ได้รักมันหรอก ส่วนเราก็จะคอยเชียร์ผู้ชายอีกคนหนึ่งที่เป็นพ่อครัวให้หลานตัวเอง แต่มันก็ดันไม่สนใจเค้าซักนิด แถมเรื่องยุ่งขึ้นไปอีกเพราะจั๊กกะแหล๋นมันยังไปทำงานรับจ้างส่งของโดยใช้ จักรยานฟิคซ์เกียร์ให้พวกมาเฟีย จนเกิดเป็นเรื่องราวใหญ่โตขึ้นมา จนเราต้องตามแก้ให้ตลอด ที่เล่านี่มันออกจะดราม่า แต่จริงๆ มันเป็นหนังตลกแล้วก็มีเรื่องรักกับแอ็คชั่นรวมอยู่ด้วยนะ สนุกเลยล่ะ

บทบาท-คาแร็คเตอร์ของพี่หม่ำ
ผมก็รับบทเป็น ลุงแสวง เป็นลุงของจั๊กกะแหล๋น ซึ่งผมเลี้ยงมาตั้งแต่เล็กๆ ลุงแสวงก็ค่อนข้างจะเป็นคนนิ่งๆ เครียดๆ หน่อยนะ จะซีเรียสกับหลาน เพราะไม่อยากให้หลานมาทำงานแบบนี้ไง คือแบบอยากให้หลานเป็นผู้หญิงทั่วไปที่เขาเป็นกัน ขายของขายข้าวแกงอะไรก็ว่าไป แต่กลับไม่เอา ดันไปทำงานเหมือนผู้ชาย เราก็เลยไม่ชอบ รู้สึกว่าหลานไม่ค่อยเชื่อฟัง บางทีเราก็รู้สึกน้อยใจเวลาหลานพูดแบบลุงไม่ใช่พ่ออย่ามาสั่งสอนหนูมาก เราก็รู้สึกน้อยใจ เพราะเราเลี้ยงมาตั้งแต่เล็กจนโต แต่ลุงแสวงก็มีแบ็คกราวด์ที่น่าสนใจต้องติดตามดูในเรื่องเอาเอง

คาแร็คเตอร์ของ “จั๊กกะแหล๋น” เป็นยังไง
ก็อย่างที่บอกไป ห้าวๆ แก่นๆ ดื้อๆ ไม่ฟังใคร เพราะเขาคิดว่าเขาทำถูกไง แต่ในที่สุดเมื่อมีปัญหามาเราก็ต้องตามแก้ให้ แต่เรื่องนี้จีจ้าจะเล่นต่างไปจากเรื่องอื่นแบบสุดๆ เลย เป็นความน่ารักของเค้าเลย มีเล่นมุกตลก แล้วก็แอ็คชั่นสไตล์จีจ้าด้วย
นอกจากแอ็คชั่นที่เป็นเอกลักษณ์ของจีจ้าแล้ว ยังมีความพิเศษอะไรของจีจ้าอีกบ้าง
ผมว่าก็น่าจะเป็นเรื่องของความรักของจีจ้ามากกว่า เป็นเรื่องโรแมนติกของจีจ้า ซึ่งผมว่าเรื่องนี้เนี่ยจีจ้าพูดเยอะที่สุดแล้ว เขาเล่นหนังมาเรื่องนี้เรื่องที่ 3 เนี่ย ผมว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เขาพูดเยอะ พูดมากที่สุด แล้วก็มีปล่อยมุกตลกโดยที่เค้าไม่รู้ตัวด้วยนะ จีจ้าเนี่ยเค้าชอบหลุดขำอยู่ตลอดด้วย เขาก็อยากเล่นตลกเองด้วย แต่ก็ต้องคอยบอกมุกเค้า จีจ้าเป็นคนที่ขำง่ายไง เป็นคนที่แบบขี้ตลก พูดอะไรก็หลุด เทคบ่อย เวลาเล่นๆ ไปบางทีเราเล่นไปตามภาษาเรานั่นแหละ แต่เค้าก็แอบอมยิ้มขำหลายช็อตหลายซีน อย่างแค่คำว่าชนช้างเฉยๆ เขาก็ยังขำเลย ชนช้างคืออะไร ต้องอธิบายให้ฟัง เค้าก็จะอ๋อ...แล้วก็ขำของเค้าไป

ก็คือมุกส่วนใหญ่เป็นมุกสดเลย
ใช่ มุกสดหน้ากองเลย บอกให้เขาเล่นแบบนี้ๆ นะ เหมือนมีอยู่มุกหนึ่งที่ด่า ด่วน ว่า ไม่ดูสารรูปตัวเองหน้าตาก็ไม่ดีอยู่แล้ว ถามจริงกินรกแม่ป่ะเนี่ย ที่อ้วนๆ เนี่ยกินน้ำคร่ำแม่ใช่มั้ย ออกแนวขวางใช่มั้ยหน้าตามันถึงเป็นแบบนี้ เขาเล่นไปก็ยิ้มไป หลุดขำหลายเทคเลย ยิงมุกนึงเขาก็ขำตัวเขาเองตลอด แต่บางมุก อารมณ์หลุดขำมันได้ตามความรู้สึกของเรา ตามความหมายของเรา เราก็ให้ผ่านไปเลย ให้เล่นทั้งยิ้มๆอย่างนั้นแหละ

เห็นพี่หม่ำคิดสโลแกนให้จีจ้าใน เรื่องนี้ว่า ผู้หญิงคนนี้เกิดมาเพื่อแอ็คชั่น เพื่อตามหาความรัก และก็เพื่อฆ่าตุ๊กกี้ อันนี้หมายถึงอะไร
ก็คือมันเหมือนแบบเค้าจะมีแก๊กตลกของเขาอยู่นะแต่เขาไม่รู้ตัวแต่ว่าคือเขาเล่นด้วยความรู้สึกของเขาจีจ้าเล่นแบบนี้ๆ เขาก็เล่นไป ยิ้มไป ขำของเขาไป ก็คือจีจ้าทั้งเรื่องจะเป็นคนตลกแบบน่ารักๆ ใสๆ คือเขาไม่รู้ตัวหรอก ต้องไปดูในหนัง เขาจะน่ารักแบบสโลแกนเลย ในเรื่องก็จะมีทั้งเรื่องความรัก แอ็คชั่น แล้วก็ฮาแบบไม่รู้ตัว อย่างที่บอกเรื่องนี้เขาพูดมากที่สุด พูดเยอะที่สุดแล้ว ได้แสดงอารมณ์ ได้เห็นจีจ้าอมยิ้ม หัวเราะ ร้องไห้ มีหมดในตัวจั๊กกะแหล๋นเนี่ยแหละ จริงๆ แล้วเนี่ย จีจ้าเขาเป็นคนที่มีแอ็คแบบธรรมชาติมากเลยนะ ไดอะล็อกของเขาดีมากเลยนะ เขาเข้าใจมากเลยนะ เหมือนเวลาเขาเล่นอะไรเนี่ยเขาไม่เขินกับคำพูดไง ซึ่งน้อยคนนะที่เล่นแอ็คชั่นแล้วพูดเก่งเนี่ยมีไม่กี่คนหรอกแม้แต่ระดับโลกด้วยเล่นแอคชั่นแล้วพูดไม่ค่อยเก่ง ไดอะล็อกไม่ค่อยได้ แต่จีจ้าเขาโอเคใช้ได้เลย

แล้วถ้าพูดถึงฉากแอ็คชั่นมีอะไรที่เป็นพิเศษต่างจากเรื่องอื่นมั้ย
ที่เด่นๆ เลยก็จะมีคิวจักรยานที่เป็นแอ็คชั่นจักรยาน Fixed Gear ก็แปลกไปอีกแบบหนึ่ง ที่เล่นกับจักรยานเพราะในเรื่องนี้ ตัวจั๊กกะแหล๋นเป็นคนชอบขี่จักรยานตั้งแต่เด็กๆ โตขึ้นมาก็สามารถใช้จักรยานเป็นอาวุธได้ ซีนแอ็คชั่นเกี่ยวกับจักรยาน ก็มีพี่พันนากับพี่ใจและก็ทีมงานเค้าช่วยดูแลดีไซน์แอ็คชั่นให้ ก็จะแปลกตากว่าเรื่องที่ผ่านๆ มา ก็จะประมาณว่า เล่นกับโซ่, น็อต, ล้อรถ, จานตะเกียบจักรยาน คือใช้ทุกอุปกรณ์ของจักรยานดัดแปลงเป็นอาวุธในฉากแอ็คชั่นในเรื่องนี้ได้ ก็จะมีแอ็คชั่นสนุกๆ อยู่หลายฉากเลย ต้องลองไปดูกัน ก็จะตลกด้วยสนุกดีด้วย
ยังมีคาแร็คเตอร์อีกหลายตัวที่มาช่วยสร้างสีสันในเรื่องอีกเยอะแยะเลย
ก็จะมี จ๊ะ อธิศ ที่เป็นตัวละครที่จีจ้าแอบชอบ เขาก็จะเล่นเป็นพงษ์ นักดนตรีที่อยู่ข้างบ้าน เขาก็เล่นไปตามภาษาเขา แต่ว่าจั๊กกะแหล๋นดันเกิดไปชอบเขาเข้า แต่สุดท้ายจะได้กันหรือเปล่าต้องลุ้นดูครับ จ๊ะเล่นโอเคเลยนะ ก็น่ารักดี ทำอะไรเขาก็โอเคนะ เป็นนักแสดงชัดเจนมาก ก็ดูจากหน้าเขาด้วยหน้า เขาเป็นคนตัวเล็กๆ และผมยาวๆ เหมือนที่เรามองต้องเป็นนักดนตรีเท่ๆ อาร์ทๆ เซอร์ๆ ด้วย ก็ตรงกับคาแร็คเตอร์ในเรื่องด้วย  แล้วก็จะมีแก๊งจีจ้าอีก 3 คน เริ่มจาก ตั๊ก บริบูรณ์ เล่นเป็นไอ้แนว โห...คนนี้ต้องควบคุมเขาให้ดีเล่นอะไรก็เล่นของเขาไปเรื่อย ให้เล่นห้าเขาเล่นไปร้อย ตอนตัดยังงงกับเขาอยู่เนี่ยจะเอาอันไหนเข้าอันไหนออกดี เล่นไปเรื่อย อยากเล่นอะไรก็เล่น เขาไม่ได้ห่วงคนตัดคนอะไรนะปวดหัวกับเขา มาเต็มตลอดทุกคัททุกซีนเขาเข้าฉากกับผม เขาขำของเขาอยู่คนเดียว เขาเล่นไปเขาชอบยิ้มไง เขาเล่นและเขาขำมุขของเขาไง คือเขาไม่ได้รู้หรอกว่าเราเนี่ยไม่ได้ขำอะไรกับเขาเลย คือเขาอยากเล่นแล้วไม่ดูอะว่าเราจะขำหรือไม่ขำไงคือเขาเล่นไปก่อนไง ล้นตลอด ร่วมงานกับตั๊กเป็นเรื่องที่ 2 แล้วหลังจาก วาไรตี้ผีฉลุยคือเขาอยากเล่นอะไรเขาก็เล่น สังเกตดูในหนัง เวลาจะเล่นมุขอะไรจะอมยิ้มตลอด แต่ก็สนุกตามสไตล์เค้าดี
 
พี่ค่อม นี่ตัวพ่อเลย มาเล่นเป็น พี่สำเริง เป็นลูกพี่ เป็นหัวหน้าแก๊งของจั๊กกะแหล๋น จะเป็นคนคอยบอกเรื่องงานว่าจะส่งของส่งอะไรไปให้ใคร จุดเด่นของพี่ค่อมในเรื่องเนี่ยจะเป็นคนเจ้าแฟชั่นมากๆ ชอบแต่งตัวแบบแปลกๆ ตามสไตล์เขาในเรื่องเลย การร่วมงานกับพี่ค่อมก็โอเคเลยสนุกสนานอยู่แล้ว ไม่ได้ถ่ายก็นั่งคุยนั่งอำกันตามภาษา สนุกสนานไป พี่ค่อมเป็นคนร่าเริง เป็นคนไม่เครียด เรื่องนี้พี่ค่อมแทบจะไม่ต้องพูดเลย แค่เห็นแต่งตัวก็จบเลย เสื้อผ้าเขาจบเลย ไม่ต้องพูดอะไรเลยเพราะเราดีไซน์ไว้หมดแล้ว แต่ว่ายิ่งถ้ายิ่งพี่ค่อมพูดยิ่งฮาไปกันใหญ่เลย
อีกคนก็คือ เหลิม ที่เล่น วงษ์คำเหลา ก็มาอยู่ในแก๊งด้วย เหลิมเขาจะเล่นเป็น ด่วนสุดยอดพ่อครัวคอยทำกับข้าวส่งข้าวส่งน้ำให้ลุงแสวงและจั๊กกะแหล๋นเป็นประจำ แล้วก็แอบหลงรักจั๊กกะแหล๋นมาตั้งแต่เล็กๆ แล้ว เราก็เห็นความดีงามของไอ้ด่วน คอยเชียร์คอยลุ้นให้หลานตัวเอง แต่มันก็ไม่สนใจ อืม...จริงๆ แล้วผมเป็นคนที่ชอบมองมุมกลับ เรื่องนี้เหลิมหล่อมาแต่ไกลเลย เรื่องนี้เสื้อผ้าเขาเกาหลีอินเทรนด์เลยนะ ทรงผมเป๊ะๆ เสื้อผ้ากางเกงดีไซน์เป็นแบบหล่อเนี้ยบเลย หล่อกว่าทุกเรื่องที่เขาเล่นมาเลย


นอกจากทีมนักแสดงหลักนี้แล้ว ยังมีกองทัพตลกมาสร้างสีสันด้วย
ใช่ มาเล่นกันเยอะแยะ ในฉากต่อสู้ในโกดังใหญ่ ก็จะมีครอบครัวชวนชื่น พ่อดม, จิ้ม, จอย, แจ๊ส, นุ้ย เชิญยิ้ม, ตั๊ก ศิริพร, พี่แอนนา มกจ๊ก และอีกหลายคนเลย กว่าจะมารวมตัวกันได้ก็ลำบากน่าดู แต่พอมารวมกันได้ก็สนุกกันใหญ่เลย ปล่อยมุกกันระนาว บรรยากาศก็สนุกดีเพราะเจอแต่แก๊งเพื่อนๆ กันทั้งนั้น อ้อ แล้วก็ยังมีแก๊งตัวร้ายผู้หญิงของตั๊ก ลีลาด้วยนะ ก็จะมี ติ๊ก บิ๊กบราเธอร์ ที่สวยๆ น่ารักๆ แล้วก็เล่นสตั๊นท์ชกต่อยได้ทะมัดทแมง เก่งเลยล่ะ ก็จะเป็นคู่ปรับกับจีจ้าเค้า เป็นแอ็คชั่นผู้หญิงน่ารักสองคนสู้กัน ดูสนุกสบายตาถูกใจมากๆ ครับ (ยิ้มกว้าง)
เรื่องนี้แตกต่างจากเรื่องอื่นอย่างไร
มันก็จะเป็นคอเมดี้แอ็คชั่นที่มีโรแมนติกเข้ามาด้วยนี่แหละ มันมีความรักเข้ามาไม่เหมือนทุกๆ เรื่องไง อย่าง บอดี้การ์ดหน้าเหลี่ยม มันก็แอ็คชั่นอย่างเดียวเลย เรื่องอื่นๆ ก็จะหนักคอเมดี้ มันไม่เหมือนอันนี้ เรื่องนี้มันแบบมีเรื่องรักกุ๊กกิ๊กเข้ามาด้วย โรแมนติกที่สุดตั้งแต่ที่กำกับมาเลยจะว่างั้นก็ได้ เพราะผมอยากให้เห็นแง่มุมความรักของจีจ้าที่มันน่ารักสดใส แถมยังเล่นตลกขำขำได้ด้วย คือเรื่องนี้นอกจากจะเห็นจีจ้าแอ็คชั่นแล้ว ยังเห็นจีจ้าในมุมของคอเมดี้ด้วย พี่ก็สอน แสดงให้ดู และใส่มุกให้เค้าเล่นเยอะแยะเลย เค้าก็ขำเล่นไปก็ยิ้มไป เล่นไปก็เทคไปอย่างที่บอก ร่วมงานกับจีจ้าในเรื่องนี้คือราบรื่นสนุกดี จริงๆ ผมทำหนังกับใคร ผมไม่ค่อยมีปัญหาอะไรหรอก คือสนุกสนานกันเนี่ย ฮาอย่างเดียว อืม...ผมทำงานไม่เคยซีเรียสหรอกไม่เชื่อถามเด็กๆ ในกองได้

การกำกับเรื่องนี้มีความยากง่ายอย่างไร
จริงๆ มันก็จะยากตรงแอ็คชั่นนี่แหละ เพราะมันมีนู่นมีนี่มาเพิ่มเรื่อย เราต้องเวิร์คช็อปมาก่อน แล้วพอถึงหน้ากองก็ต้องซ้อมคิวให้ชัวร์ๆ มันก็เลยทำให้ช้าได้ คือทำหนังที่ฉากแอ็คชั่นก็ต้องทำใจนิดนึง คนที่ทำหนังแอ็คชั่นต้องเป็นคนที่มีความอดทนสูงเลยนะผมว่า บางทีนั่งรอหลับคากองไปเลยก็มี บางทีก็มีพลาดคิวกันนิดหน่อย อย่างฉากของผมโดยไม้อัดตีหัว ขนาดไม้อัดที่บล็อกมาเป็นโฟมนะมันตีและหักโดนเนี่ยมึนเหมือนกันเลยนะ นี่ขนาดเป็นไม้โฟมนะมันยังมึนเลยเพราะมันตีแรงด้วย อย่างจีจ้าก็ขาเดี้ยงไปทีสองที...ขาเดี้ยงผิดคิวกันไปบ้าง
เสน่ห์หรือความน่าสนใจของหนังเรื่องนี้ ผมว่าด้วยชื่อของหนังและก็ตัวจีจ้าและก็ตัวผมด้วย รวมถึงตัวนักแสดงสมทบทั้งหมดก็น่าสนใจมากๆ แล้ว ยิ่งได้จีจ้ามาเปลี่ยนคาแร็คเตอร์แสดงบทน่ารักๆ ด้วยยิ่งขำยิ่งฮายิ่งสนุกยิ่งน่าสนใจไปกันใหญ่เลย เรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่แปลกแตกต่างฉีกไปจากตัวผมไกลอยู่เหมือนกัน เพราะเอาจีจ้ามาเล่นพลิกบทบาทเนี่ย มันก็ต้องแบบมีอะไรแปลกๆ ใหม่ๆ นอกจากจะมีแอ็คชั่นแล้วยังมีตลก มีเรื่องของความรัก เรื่องราวซึ้งๆ หลายรสชาติมากครับเรื่องนี้ ก็อยากให้ทุกท่านไปชม จั๊กกะแหล๋น เป็นภาพยนตร์กำกับเดี่ยวเรื่องที่ 7 ของผมแล้วครับ หวังว่าทุกท่านคงจะไปดูกันสนุกสนานเหมือนเดิมครับ มีครบรสชาติ แอ็คชั่นก็มี รักๆ ก็มี โรแมนติกก็มี ซึ้งก็มี ตลกฮาจริงๆ สวัสดีครับ
       เป็นไงล่ะคุณผู้ชม ได้อ่านบทสัมภาษณ์แล้วก็พอจะรู้เรื่องราวคร่าวๆของหนังแล้วนะ ขอบอกว่าหนังตัวจริงคงฮามากแน่นอน ยังไงก็อย่าลืมชื่อหนังเรื่องนี้และพอรู้ความหมายของคำว่า “จั๊กกะแหล่นแล้วนะ จำไว้ “จั๊กกะแหล่น” “จั๊กกะแหล่น” “จั๊กกะแหล่น” “จั๊กกะแหล่น” “จั๊กกะแหล่น” “จั๊กกะแหล่น” “จั๊กกะแหล่น” “จั๊กกะแหล่น”
     ติดตามได้ในโรงภาพยนตร์เร็วๆนี้ นะจ๊ะ นะจ๊ะ นะจ๊ะ นะจ๊ะ ๆๆๆๆ


วันเสาร์ที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2554

ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค 3 ตอน ยุทธนาวี หนังดีที่รอคอย


โปสเตอร์ภาพยนตร์
          
            และแล้วก็ได้ฤกษ์วันฉายซะทีกับมหากาพย์ภาพยนตร์ไทยอิงประวัติศาสตร์เรื่อง “ตำนานสมเด็จพระนเรศวร ภาค 3 ตอน ยุทธนาวี” ของหม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล ที่ก่อนหน้านี้เจอโรคเลื่อนมาอย่างต่อเนื่อง ภาพยนตร์เรื่องนี้ทุ่มทุนสร้างอย่างมหาศาล ทั้งความสมจริงของฉาก ความอลังการของสถานที่ โดยยกกองถ่ายไปถ่ายทำถึงสตูดิโอที่กาญจนบุรี ที่ลงทุนสร้างเป็นพันล้านบาท และในภาค 3 ยุทธนาวี นี้ ได้ทำเรื่องไปถึงสำนักพระราชวังเพื่อยืมเรือพระที่นั่งเพื่อมาเข้าฉากเพื่อความสมจริงและเพื่อเป็นเกียรติแก่บรรพบุรุษของไทย พูดถึงตรงนี้คงไม่ต้องบอกว่า รายละเอียดของหนังจะเป็นอย่างไร มันคงต้องอลังการ สมจริง เนี๊ยบ อย่างที่วงการภาพยนตร์ไทยไม่เคยมีมาก่อนแน่นอนคุณผู้ชม
                เอาละเกริ่นมาซะจนคุณผู้ชมเบื่อเรามาอ่านเรื่องย่อกันเลยค่ะ

ฉากเรือพระที่นั่งในภาพยนตร์
ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค 3 ตอน ยุทธนาวี | เรื่องย่อ
           การประกาศเอกราชที่เมืองแครง และสังหารสุรกำมาเหนือยุทธภูมิฝั่งน้ำสะโตงของ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช (หรือสมเด็จพระนเรศ) ในปีพุทธศักราช 2127 ได้สร้างความตระหนกแก่พระเจ้านันทบุเรงองค์ราชันหงสาวดีพระองค์ใหม่ ด้วยเกรงว่าการแข็งข้อของอยุธยาในครั้งนี้จะเป็นเยี่ยงอย่างให้เหล่าเจ้า ประเทศราชที่ขึ้นกับหงสาวดีอาศัยลอกเลียนตั้งตัวกระด้างกระเดื่องตาม แต่จนพระทัยด้วยติดพันศึกอังวะ จึงจำต้องส่งเพียงทัพพระยาพะสิมและพระเจ้าเชียงใหม่เข้าประชิดกรุงศรีอยุธยา ทางหนึ่งนั้นพระเจ้านันทบุเรงทรงประมาทสมเด็จพระนเรศ ด้วยเห็นว่ายังอ่อน พระชันษา คงมิอาจรับมือจอมทัพผู้ชาญณรงค์ทั้งสองได้ ทางหนึ่งก็สำคัญว่ากรุงศรีอยุธยา ยังบอบช้ำแต่คราวสงครามเสียกรุง ไพร่พลเสบียงกรังยังมิบริบูรณ์คงยากจะรักษาพระนคร

          ครั้งนั้นพม่ารามัญยกเข้ามาเป็นศึกกระหนาบถึง 2 ทาง ทัพพระยาพะสิมยกเข้ามาทาง ด่านพระเจดีย์สามองค์ เลยล่วงเข้ามาถึงแดนสุพรรณบุรี ส่วนพระเจ้าเชียงใหม่-นรธาเมงสอ มาจากทางเหนือ นำทัพบุกลงมาตั้งค่ายถึงบ้านสระเกศ แขวงเมืองอ่างทอง

           กิตติศัพท์การชนะศึกของสมเด็จพระนเรศหลายครั้งหลายคราระบือไกลถึงแผ่นดิน ละแวก เจ้ากรุงละแวกมิได้ทอดธุระ ได้ลอบส่งจารชนชาวจีนฝีมือกล้านามว่าจีนจันตุมาลอบสืบความ ที่กรุงศรีอยุธยาแต่ถูกจับพิรุธได้จนต้องลอบตีสำเภาหนีกลับกรุงละแวก สมเด็จพระนเรศทรงนำทัพเรือออกตามจนเกิดยุทธนาวี แต่พระยาจีนจันตุหนีรอดได้ เมื่อเจ้ากรุงละแวกได้ทราบกิตติศัพท์การณรงค์ของพระนเรศจึงเปลี่ยนพระทัยหัน มาสานไมตรีกับอยุธยา และส่งพระศรีสุพรรณราชาธิราชผู้อนุชามาช่วยอยุธยาทำศึกหงสา หากแต่พระศรีสุพรรณผู้นี้ต่างจากเจ้ากรุงละแวกเพราะหาใคร่พอใจผูกมิตรด้วย อยุธยา การได้พระศรีสุพรรณมาเป็นสหายศึกจึงประหนึ่งอยุธยาได้มาซึ่งหอกข้างแคร่

          ข้าง สมเด็จพระนเรศ เมื่อทรงประกาศเอกราชแล้วก็จัดเตรียมการรับศึกหงสาวดี แต่เพราะกำลังรบข้างอยุธยาเป็นรอง จึงทรงวางยุทธศาสตร์รับศึกโดยมุ่งอาศัยกรุงศรีอยุธยาเป็นที่มั่นเพียงแห่ง เดียว ครั้งนั้นได้โปรดให้เทครัวหัวเมืองเหนืออันเป็นแคว้นสุโขทัยเดิมลงมารวมกับ ครัวที่อยุธยา การณ์ปรากฏว่าเจ้าเมืองพิชัยและสวรรคโลกข้าหลวงเดิมแข็งเมืองไม่เทครัวลงมา สมทบ จึงทรง ยึดเมืองแล้วลงทัณฑ์มิให้เป็นเยี่ยงอย่าง
 
          สมเด็จพระนเรศ ทรงเห็นว่ากำลังข้างอยุธยายังเป็นรองพม่ารามัญ จึงทรงปรับเปลี่ยน ยุทธศาสตร์การรบเสียใหม่ โดยมิปล่อยให้ทัพพระยาพะสิมและนรธาเมงสอเจ้าเมืองเชียงใหม่ เข้ามารวมกำลังผนึกล้อมร่วมกันตีกรุงศรีอยุธยา ครั้งนั้นทรงจัดทัพออกรับศึกในแขวงหัวเมือง แลด้วยทัพพม่ารามัญแยกสายเข้าตีเป็นสองทางเดินทัพช้าเร็วไม่เสมอกัน จึงทรงเทกำลังเข้ารับศึกพระยาพะสิมที่เมืองสุพรรณบุรี ตั้งพระทัยจะตีทัพเบื้องประจิมทิศก่อน แล้วจึงเทกำลังเข้าตีทัพพระเจ้าเชียงใหม่เบื้องอุดรทิศภายหลัง การทั้งหมดทั้งสิ้นต้องทำแข่งกับเวลา หากพลาดท่า แม้เพียงก้าวอยุธยาก็ไม่พ้นพินาศ ถึงแม้ครั้งนั้นทัพพม่ารามัญจะมิได้ยกมาดั่งทัพกษัตริย์เช่นศึกพระเจ้าช้าง เผือกบุเรงนอง แต่ไพร่พลก็มากเหลือประมาณ เพียงพอจะสร้างความย่อยยับให้ เหล่าอาณาประชาราษฎร์เกินคาดเดา

          ภายใต้บรรยากาศกลิ่นอายสงครามนับแต่ศึกจีนจันตุ ตลอดถึงศึกพระยาพะสิมและ ศึกพระเจ้าเชียงใหม่ ในพระนครก็เกิดไฟรักโชติขึ้นท่ามกลางไฟสงคราม กลายเป็นเรื่องรักระหว่างรบ ด้วย เลอขิ่นธิดาเจ้าเมืองคัง มีอันมาพบ เสือหาญฟ้าคนรักเก่าที่รอดชีวิตมาแต่ศึกเมืองคัง โดยบังเอิญ เกิดขัดข้องเป็นรักสามเส้ากับ พระราชมนูคนรักใหม่ทหารเสือพระนเรศ ไฟรักยิ่ง ลุกลามเมื่อนางพระกำนัลทรงเสน่ห์นาม รัตนาวดีมาทอดไมตรีให้พระราชมนู เกิดเป็นปมรัก ซ้อนปมรบ

          ทางฝ่ายหงสาวดีนั้น พระเจ้านันทบุเรงกษัตริย์พม่ารามัญพระองค์ใหม่มีใจพิศวาส พระสุพรรณกัลยา-พระพี่นางในสมเด็จพระนเรศ หมายจะได้มาแนบข้าง ซ้ำพระนเรศอนุชา มาประกาศเอกราชท้าทายอำนาจของพระองค์ ทำให้สถานะของพระสุพรรณกัลยาในฐานะ องค์ประกันต้องสุ่มเสี่ยงต่อราชภัย พระสุพรรณกัลยาซึ่งขณะนั้นมีพระราชโอรสด้วยพระเจ้าบุเรงนองแล้ว ทรงถูกพระเจ้านันทบุเรงข่มขู่ บีบบังคับให้ต้องเลือกระหว่างการยอมพลีกายถวายตัวเป็น บาทบริจาริกา หรือยอมจบชีวิตด้วยการถูกย่างสดตามโทษานุโทษของพระอนุชา ชะตากรรมของพระพี่นางสุพรรณกัลยานั้นสุดรันทด
 

          เมื่อพระเจ้าหงสาวดีทรงเสร็จศึกอังวะก็เตรียมการเปิดศึกกับอยุธยา ทรงระดมไพร่พล แต่งเป็นทัพกษัตริย์ กองทัพใหญ่โตเหลือคณากว่าทัพบุเรงนองช้างเผือก เฉพาะไพร่ราบมีกำลัง รวมแล้วไม่ต่ำกว่า 240,000 คน ทัพนี้หมายมุ่งบดขยี้อยุธยาลงเป็นผุยผงหากทัพพระยาพะสิมและทัพพระเจ้า เชียงใหม่ตีกรุงไม่สำเร็จ แต่สมเด็จพระนเรศก็สู้ศึกนันทบุเรงและนำพากรุงศรีอยุธยา ให้รอดจากภัยสงคราม กู้บ้านเมืองมิให้ต้องตกเป็นประเทศราชหงสาซ้ำสองได้ด้วยกุศโลบาย การศึกที่เหนือชั้นด้วยพระอัจฉริยภาพ
         เป็นอย่างไรบ้างคะเรื่องย่ออิงประวัติศาสตร์บ่งบอกถึงความเสียสละของบรรพบุรุษไทยอย่างชัดเจน หนังเรื่องนี้จะสะท้อนถึงความรักชาติบ้านเมืองของคนในอดีต และอาจจะสอนคนคนในยุคปัจจุบันให้รักชาติมากยิ่งขึ้น กว่าเราจะมีประเทศไทยมาจนถึงทุกวันนี้บรรพบุรุษของเราเสียเลือดเสียเนื้อมาเท่าใดแล้ว เราคนไทยต้องรักกันสามัคคีกันนะคะ ถ้ามีปัญหาก็ใช้สติปัญญาในการแก้ปัญหา อย่าใช้กำลังเหมือนในหนังเลย อ้าว พูดไปพูดมาเข้าดราม่าซะเองตู แต่อย่างไรก็ตามหนังดีๆอย่างนี้ดิฉันก็ขอเชิญชวนทุกท่านเข้าไปอุดหนุนภาพยนตร์เรื่องนี้ในโรงภาพยนตร์ หนังเรื่องนี้ไม่เพียงแต่ให้ข้อคิดแต่จะมีคติเตือนใจแฝงอยู่ในภาพยนตร์อยู่ด้วย ยังไงก็อย่าลืมเข้าไปอุดหนุน ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค 3 ยุทธนาวี” ในโรงภาพยนตร์
31 มีนาคม 2554 ศกนี้

วันศุกร์ที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2554

ทำนายรายได้ของหนังเรื่อง " suckseed ห่วยขั้นเทพ "

         
         หลังจากได้สะดับรับชมภาพยนตร์เรื่อง "Suckseed ห่วยขั้นเทพ" มาแล้ว เดี๊ยนก็จะขอทำนายทายทักรายได้ของหนัง วันแรก สี่วันแรก และ สัปดาห์แรก เลยนะ
        จากการวิเคราะห์ด้วยสมองอันน้อยนิดของเดี๊ยน เดี๊ยนจะอ้างอิงข้อมูลรายรับจากหนังที่ได้เกินร้อยล้านมาในอดีต อย่างเช่น สุดเขตเสลดเป็ด รถไฟฟ้ามาหานะเธอ เป็นต้น
        เรื่องแรก สุดเขตเสลดเป็ด จากค่าย m๓๙ แนวหนังอินดี้ คอมเมดี้ ที่ได้ประชาสัมพันธ์ก่อนหนังฉายอยู่พอสมควร ทำรายรับไปในสัปดาห์แรก 38 ล้านบาท
        เรื่องต่อมา รถไฟฟ้ามาหานะเธอ จากค่าย ลูกเต๋า 3 ลูก หรือ GTH ค่ายหนังฟิลกู๊ด แนวหนัง ดราม่า คอมเมดี้ เหมือนกัน ทำรายได้ไปในสัปดาห์แรก อยู่ที่ 56 ล้านบาท
      
            แล้วหนังกระแสแรงจากค่าย GTH อย่างเรื่อง "Suckseed ห่วยขั้นเทพ" ล่ะ
     
     หนังเรื่องนี้คงได้เกิน 50 ล้านอยู่มั้ง หรือไม่ก็เลยขั้น อาจจะถึง 100 ล้าน หรืออาจะเกิน 100 ล้านก็ได้นะ
        ในที่นี้เดี๊ยนขอทำนายรายได้แบ่งตามช่วงเวลาเลยนะ (เป็นครั้งแรกที่ได้ทำนายรายได้หนัง ถ้ารุ่งโรจน์ก็อาจจะไปเป็นหมอดู ถ้ารุ่งริ่งก็จะไม่ทำนายอีกแล้วล่ะ มันอับอายขายขี้หน้าชาวบ้านเค้า )


        บทความต่อไปนี้ไม่ใช่ความจริงอย่างสิ้นเชิง 
         เป็นแค่เพียงการทำนายเพื่อความบันเทิง 
               เพื่อความรื่นเริงของท่านผู้ชม


           วันแรก 17 มีนาคม 2554 รายได้ คือ 5 ล้านบาท อ้างอิง จากการที่ช่วงนี้ปิดเทอมแล้ว และหนังก็มาในแนววัยรุ่น วัยรุ่นอาจจะชอบ และอาจมีคนเฝ้ารอเพื่อชมภาพยนตร์เรื่องนี้อยู่นานแล้วก็ได้


          สี่วันแรก  รายได้อาจจะพุ่งพรวดเป็น 40 ล้านบาท อ้างอิงจาก เสาร์ และอาทิตย์ คือวันหยุด     ชนชั้นทำงานมีวันหยุดสองวันอาจจะไปดูหนังเพื่อผ่อนคลายและพักผ่อน 
      
          สัปดาห์แรก รายได้อาจจะอยู่ที่ 60 ล้านบาท ถ้ากระแสแรงดี สัปดาห์แรกอาจจะไปถึง 70 ล้านบาท
  
                ตามนั้นแล้วกัน แต่อย่างไรเดี๊ยนก็มั่นใจว่า รายได้ของหนังเรื่องนี้คุ้มทุนแน่นอน
                         ผลการทำนายเป็นอย่างไร จะแม่นเหมือนตรัสรู้ไหม ติดตามได้สัปดาห์หน้า 
                            ใน รายได้หนัง 17 - 20 มีนาคม 2554 แล้วกันนะจ๊ะ